mammos

วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่


อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีอาณาเขตครอบคลุม 11 อำเภอของ 4 จังหวัด คือ จังหวัดสระบุรี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดนครนายก ได้รับสมญานามว่าเป็นอุทยานมรดกของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็น ป่าผืนใหญ่ ตั้งอยู่ในเทือกเขาพนมดงรักในส่วนหนึ่งของดงพญาไฟหรือดงพญาเย็นในอดีต ประกอบด้วยขุนเขา น้อยใหญ่สลับ ่ซับซ้อนหลายลูกเป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำนครนายก แม่น้ำมูล อุดมสมบูรณ์



สภาพทั่วๆ ไปของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นพื้นที่ด้านตะวันตกของเทือกเขาพนมดงรักซึ่งสูงโดดเด่นขึ้นมา จากที่ราบภาคกลางแล้วก่อตัวเป็นแนวเขตของที่ราบสูงโคราช มีเขาร่มเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด 1,351 เมตร เขาแหลมสูง 1,326 เมตร เขาเขียวสูง 1,292 เมตร เขาสามยอดสูง 1,142 เมตร เขาฟ้าผ่าสูง 1,078 เมตร เขากำแพงสูง 875 เมตร เขาสมอปูนสูง 805 เมตร และเขาแก้วสูง 802 เมตร ซึ่งวัดความสูงจากระดับน้ำทะเล เป็นเกณฑ์ และยังประกอบด้วย ทุ่งกว้างสลับกับป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ด้านทิศเหนือและตะวันออกพื้นที่จะลาดลง ทางทิศใต้และตะวันตกเป็นที่สูงชัน ไปเรื่อยๆ
นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารที่สำคัญถึง 5 สาย ได้แก่ แม่น้ำปราจีนบุรีและแม่น้ำนครนายก อยู่ใน พื้นที่ทางทิศใต้ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งมีความสำคัญต่อการเกษตรกรรมและระบบทางเศรษฐกิจและ สังคมของภูมิภาคนี้ แม่น้ำทั้ง 2 สายนี้ มาบรรจบกันที่จังหวัดฉะเชิงเทรา กลายเป็นแม่น้ำบางปะกง แล้วไหลลง สู่อ่าวไทย แม่น้ำลำตะคองและแม่น้ำพระเพลิง อยู่ในพื้นที่ทางทิศเหนือไหลไปหล่อเลี้ยงพื้นที่เกษตรกรรมของที่ ราบสูงโคราช ไปบรรจบกับแม่น้ำมูลซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของภาคอีสานตอนล่างไหลลงสู่แม่น้ำโขง ห้วยมวกเหล็ก อยู่ทางทิศ ตะวันตกเฉียงเหนือ มีปริมาณน้ำไหลตลอดทั้งปีและให้ประโยชน์ทางด้านการเกษตร โดยเฉพาะการปศุสัตว์์ของ ภูมิภาคนี้ ไหลลงสู่แม่น้ำป่าสัก ที่อำเภอมวกเหล็ก



 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่าชุกชุมมาก ในบางโอกาสขณะขับรถยนต์ไปตามถนน จะสามารถ
เห็นสัตว์ป่าเดินผ่านหรือออกหากินตามทุ่งหญ้า หรืออาจจะเห็นโขลงช้างออกหากินริมถนน ลูกช้างเล็กๆ ซนและ น่ารักมาก บริเวณตั้งแต่ที่ชมวิวกิโลเมตรที่ 30 จนถึงปากทางเข้าหนองผักชี ตลอดจนโป่งต้นไทร ในปัจจุบันถ้า ขับรถยนต์์ขึ้นเขาใหญ่ทางด่านตรวจเนินหอมข้ามสะพานคลองสามสิบไปแล้ว สามารถเห็นโขลงช้างได้เหมือนกัน สัตว์ป่าที่สามารถพบได้บ่อยๆ และตามโอกาสอำนวย ได้แก่ เก้งกวาง ตามทุ่งหญ้าทั่วๆ ไป นอกจากนี้ยังพบ เสือโคร่ง กระทิง เลียงผา หมี เม่น ชะนี พญากระรอก หมาไม้ ชะมด อีเห็น กระต่ายป่า นกชนิดต่างๆ จำนวน 250 ชนิด จากจำนวนไม่น้อยกว่า 340 ชนิด ที่สำรวจพบอาศัยอยู่บริเวณป่าเขาใหญ่ซึ่งเป็นแหล่งหาอาหารและที่อาศัย อย่างถาวรนกที่น่าสนใจและพบเห็นได้บ่อย ได้แก่ นกเงือก นกขุนทอง นกขุนแผน นกพญาไฟ นกแต้วแล้ว นกโพระดก นกแซงแซว นกเขา นกกระปูด ไก่ฟ้า และนกกินแมลงชนิดต่างๆ นกเงือกทั้ง 4 ชนิด ซึ่งได้แก่
นกกก นกแก๊กนกเงือกกรามช้าง และนกเงือกสีน้ำตาล ที่พบบนเขาใหญ่นับว่าเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักดูนกเป็นอย่างดี เพราะ พบเห็นได้ทั่วไป พวกแมลงที่มีมากกว่า 5,000 ชนิด ที่สวยงามและพบเห็นบ่อยได้แก่ ผีเสื้อ มีรายงาน พบกว่า 216 ชนิด
สภาพทั่วๆ ไปของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นพื้นที่ด้านตะวันตกของเทือกเขาพนมดงรักซึ่งสูงโดดเด่นขึ้นมา จากที่ราบภาคกลางแล้วก่อตัวเป็นแนวเขตของที่ราบสูงโคราช มีเขาร่มเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด 1,351 เมตร เขาแหลมสูง1,326 เมตร เขาเขียวสูง 1,292 เมตร เขาสามยอดสูง 1,142 เมตร เขาฟ้าผ่าสูง 1,078 เมตร เขากำแพงสูง 875 เมตรเขาสมอปูนสูง 805 เมตร และเขาแก้วสูง 802 เมตร ซึ่งวัดความสูงจากระดับน้ำทะเล เป็นเกณฑ์ และยังประกอบด้วย
แหล่งท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่(ในเขตจังหวัดนครราชสีมา)
1.ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ 
สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2505 ตั้งอยู่ กม. 24 ถนนธนะรัชต์ เส้นทางขึ้นเขาใหญ่ด้านอำเภอปากช่อง นักท่องเที่ยว ที่ผ่าน เข้าอุทยานฯ และประชาชนทั่วไปมักแวะไปกราบไหว้ขอโชคลาภและขอพรอยู่เสมอ
2.จุดชมทิวทัศน์ กม. 9 
อยู่ช่วงกิโลเมตรที่ 9 ถนนขึ้นเขาเขียวสามารถมองทิวทัศน์ ป่าไม้และภูเขาสูงด้านทิศเหนือตลอดแนวได้เป็น
อย่างดี
3.จุดชมทิวทัศน์ กม.30 กิโลเมตรที่ 30 ถนนธนะรัชต์สามารถชมทิวทัศน์ด้านทิศเหนือของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้เป็นบริเวณกว้าง และสวยงาม
4.จุดชมทิวทัศน์เขาเขียว 
(ผาเดียวดาย)นับเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามน่าชมเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากมีลักษณะคล้าย ผานกเค้าที่ภูกระดึงจะมองเห็นภูเขาร่มขวางอยู่เป็นแนวยาวและทิวทัศน์ที่สวยงามด้านจังหวัดปราจีนบุรีตอนเช้าตรู่ จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าเป็นดวงกลมสีแดงเหนือสันเขาร่มที่สวยงาม
5.น้ำตกเหวนรก 
ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในเขตอำเภอปากพลีจากตัวเมืองเดินทางไปทางทิศตะวันออก ตามถนนสุวรรณศรถึงสี่แยกเนินหอมหรือวงเวียนนเรศวร เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง หมายเลข 3077 ซึ่งเป็นทาง ขึ้นเขาใหญ่ไปจนถึงกม.ที่ 24 มีทางเดินเท้าไปน้ำตกเหวนรก อีก 2 กม. เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นแรกสูงประมาณ 60 เมตร เมื่อน้ำไหลผ่านน้ำตกชั้นนี้จะพุ่งไหลลงสู่หน้าผา ชั้นที่สองและสาม ในลักษณะ การไหลตก 90 องศา รวมความสูงไม่ต่ำกว่า 150 เมตร ในฤดูฝนน้ำไหลแรงมาก
6.น้ำตกกองแก้ว
เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่เกิดจากห้วยลำตะคอง อยู่ห่างจากที่ทำการ อุทยาน ฯ ประมาณ 100 เมตร ใกล้น้ำตก มีสะพาน แขวนข้ามลำห้วยลำตะคอง ซึ่งเป็นแนวแบ่งเขต จังหวัดนครนายกและจังหวัดนครราชสีมา
7.น้ำตกเหวสุวัต
อยู่ที่จุดสิ้นสุดของถนนธนะรัชต์ เกิดจากห้วยลำตะคอง ไหลตกจากหน้าผาสูงประมาณ 25 เมตรในฤดูฝนจะมีน้ำมากและไหลเชี่ยว ในฤดูแล้งปริมาณน้ำน้อย สามารถเดินไปยังหน้าผาของน้ำตกนี้ได้
8.น้ำตกเหวไทร
เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยลำตะคองถัดไปจากน้ำตกเหวสุวัต ต้องเดินเท้าจากน้ำตกเหวสุวัตไปอีกประมาณ
1.5 ก.ม. ใช้เวลาประมาณ 30 นาที น้ำตกไหลลงมาจากหน้าผา สูงประมาณ 5 เมตรในฤดูฝนน้ำไหลลงจากหน้าผา สวยงามมาก
9.น้ำตกผากล้วยไม้ 
อยู่ระหว่างทางไปน้ำตกเหวสุวัต โดยเดินเท้าจากถนนธนะรัชต์ ไปอีก 1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดกลางอยู่ใน ลำห้วย ลำตะคอง เช่นเดียวกัน ที่หน้าผาของน้ำตกมีกล้วยไม้หวายแดงขึ้นอยู่ อันเป็นสัญลักษณ์ของน้ำตกแห่งนี้ ดอกหวาย แดงจะบานในฤดูร้อนประมาณเดือนเมษายน นอกจากนี้ยังมีน้ำตกอีกหลายแห่งซึ่งต้องเดินเท้าเป็น ระยะทางไกลได้แก่ น้ำตกห้วยโกรกเด้ น้ำตกเหวประทุน น้ำตกผากระจาย น้ำตกตาดตาภู่ น้ำตกวังเหว น้ำตกแม่ปล้อง น้ำตกผาชมพู น้ำตกผาตาด น้ำตกมะนาว และน้ำตกตาดตาคง
10.หอดูสัตว์ 
หอดูสัตว์เป็นสถานที่จัดทำขึ้นสำหรับการซุ่มดูสัตว์ป่า นักท่องเที่ยวสามารถเข้าใช้ประโยชน์ได้ตั้งแต่เวลา
06.00 น. - 18.00 น. จำนวน 2 แห่ง ได้แก่
- หอดูสัตว์หนองผักชี
เป็นที่ดูสัตว์ที่มากินน้ำรอบๆ หนองน้ำ บริเวณโดยรอบเป็นทุ่งหญ้าคากว้างใหญ่ มีโป่งสัตว์ ปากทางเข้าอยู่บริเวณ กิโลเมตร 35-36 ของถนนธนะรัชต์ ต้องเดินเท้าจากถนนเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร
- หอดูสัตว์มอสิงโต 
อยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำมอสิงโต รอบๆ มีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าโล่งที่เหมาะสำหรับซุ่มดูสัตว์ป่าที่มากินดินโป่งซึ่งเป็นดิน ที่มีแร่ธาตุสำคัญของสัตว์กินพืช อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 500 เมตร

หอดูสัตว์หนองผักชี







11.ส่องสัตว์ 
เป็นกิจกรรมที่ใช้ไฟส่องสัตว์ในเวลากลางคืนไปตามถนนสองข้างทาง เป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยม มาก สามารถติดต่อขออนุญาตได้ที่ที่ทำการอุทยานฯ ก่อนเวลา 18.00 น. ทุกวัน
12.ดูนก
เขาใหญ่เป็นแหล่งดูนกที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง เส้นทางดูนกจะอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ เส้นทางเดินป่า สองข้างทาง ถนนและบริเวณสนามกอล์ฟเดิม
13.เส้นทางศึกษาธรรมชาติ 
เส้นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว-น้ำตกกองแก้ว ระยะทางประมาณ 1,200 เมตร เส้นทางนี้จะปูด้วยอิฐตัวหนอน มีป้ายสื่อความหมายตลอดเส้นทาง นักท่องเที่ยวสามารถเดินเองได้
รายละเอียดเพิ่มเติม
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
โทร .0-2561-4292-3 ต่อ 718, 720, 0-3731-9002, 08-6092-6530 และ 08-6092-6531
โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเสียค่าธรรมเนียมผ่านเข้าอุทยาน ฯ ดังนี้ 
- นักท่องเที่ยวชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท / คน เด็ก 20 บาท / คน
- นักท่องเที่ยวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท / คน เด็ก 200 บาท / คน
หากนำพาหนะเข้าอุทยาน ฯ เก็บค่าธรรมเนียมตามประเภทพาหนะ ดังนี้ 
• รถจักรยาน 20 บาท / คัน
• รถจักรยานยนต์ 30 บาท / คัน
• รถยนต์ ( ไม่เกิน 4 ล้อ ) 50 บาท / คัน
• รถบัสเล็ก ( ไม่เกิน 24 ที่นั่ง ) 100 บาท / คัน
• รถบัสใหญ่ (24 ที่นั่งขึ้นไป ) 200 บาท / คัน
• รถบรรทุก 1-4 ตัน 4 ล้อ 200 บาท / คัน
• รถบรรทุก 4 ตัน 6 ล้อ 300 บาท / คัน
• รถบรรทุก 4 ตัน 6 ล้อขึ้นไป ห้ามผ่าน
สิ่งอำนวยความสะดวกและที่พัก
บริการอาหาร
มีบริการร้านอาหาร เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00 - 18.00 น. ในวันจันทร์ - ศกุร์ และเวลา 07.00 - 21.00 น. ในวันเสาร์ - อาทิตย์ มีจำนวน 5 แห่ง คือ
- บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
- บริเวณจุดกางเต็นท์ผากล้วยไม้
- บริเวณจุดกางเต็นท์ลำตะคลอง
- บริเวณน้ำตกเหวสุวัต
- บริเวณน้ำตกเหวนรก

สถานที่พักแรม 
1. บ้านพักในอุทยานฯ
ที่พัก-บริการที่เปิดให้บริการจองผ่านระบบออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต โดยมีทั้งหมด 6 โซนให้เลือก สามารถจอง ที่พักผ่านทางเว็บไซต์ http://www.dnp.go.thหรือสามารถพักในโรงแรม สอร์ท ที่พักของเอกชน ที่มีให้บริเวณ ทางขึ้นเขาใหญ่ คลิ๊ก
2. สถานที่กางเต้นท์
อุทยานฯมีสถานที่กางเต้นท์ 2 จุดได้แก่
- บริเวณผากล้วยไม้จัดเป็นสถานที่ตั้งเต็นท์พักแรม ซึ่งรับนักท่องเที่ยวได้กว่า 1,000 คน เสียค่าธรรมเนียม เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท/คืน มีร้านค้าสวัสดิการขายอาหาร และมีเต็นท์และเครื่องนอนให้เช่า
- บริเวณลำตะคอง
การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
1. โดยรถส่วนตัว 
ถนนพหลโยธินผ่านรังสิตถึงสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนมิตรภาพผ่านมวกเหล็กและเลี้ยวขวาอีกครั้งหนึ่งตรงทางแยกก่อนถึงอำเภอปากช่องตรงกิโลเมตร ที่ 58 เข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) ประมาณ 25 กิโลเมตร ถึงด่านตรวจจากนั้นเส้นทาง จะไต่ขึ้นเขาไปอีก 14 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ระยะทางรวมทั้งสิ้น 200 กิโลเมตร ถนนพหลโยธินผ่านรังสิต ผ่านหนองแค
เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 305 แล้วเปลี่ยนไปใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 (ถนนสุวรรณศร) ผ่านตัวเมืองนครนายกถึงสี่แยกเนินหอม หรือวงเวียนนเรศวร ก่อนเข้าตัวเมืองปราจีนบุรีเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวง
จังหวัดหมายเลข 3077 (ถนนปราจีนบุรี-เขาใหญ่) ถึงด่านตรวจเนินหอม ถนนเริ่มเข้าสู่ป่าและไต่ขึ้นที่สูง รวมระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร
ถนนพหลโยธิน เลี้ยวขวาบริเวณรังสิต
เข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 305 มุ่งสู่ตัวเมืองนครนายก แล้วเปลี่ยนไปใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 (ถนนสุวรรณศร) ถึงสี่แยกเนินหอมหรือวงเวียนนเรศวร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนปราจีนบุรี-เขาใหญ่ รวมระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร
2. รถโดยสารประจำทาง 
รถโดยสารประจำทาง เส้นทางที่ 1
ขึ้นรถโดยสารประจำทาง กรุงเทพฯ - นครราชสีมา หรือมาจากที่อื่น ให้ลงที่แยก เข้า อ.ปากช่อง (กรณีที่รถโดย สารไม่เข้า ตัว อ.ปากช่อง) จะมีรถโดยสารประจำทางจากปากช่องมาถึงที่ด่านตรวจ เก็บค่าธรรมเนียม เที่ยวแรก จากปากช่อง เวลา 06.00 น. และเที่ยวสุดท้าย เวลา 17.20 น. ซึ่งรถโดยสารประจำทาง จะออกรถ ทุกครึ่งชั่วโมง ค่าโดยสาร 15 บาท โดยจะหมดระยะที่แค่ด่านเก็บค่าธรรมเนียม  แล้วโบกรถต่อขึ้นไปที่ ทำการอุทยานฯ รถโดยสารประจำทาง เส้นทางที่ 2
ขึ้นโดยสารรถประจำทาง กรุงเทพฯ - ปราจีนบุรี มาลงที่แยกวงเวียนนเรศวร (แยกเข้า จ.ปราจีนบุรี) ยืนรอโบกรถ หรือเหมารถมอเตอร์ไซด์ ที่แยกนี้ ลงที่ด่านเนินหอม (ด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานฯ) แล้วโบกรถต่อขึ้นอุทยานฯ
3.โดยรถไฟ 
ขึ้นรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ลงที่สถานี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แล้วต่อรถสองแถวที่ตลาด อ.ปากช่อง - อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ลงที่ด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานฯ แล้วโบกรถต่อขึ้นไปที่ทำการอุทยานฯ
แผนที่เขาใหญ่
แผนที่ไปเขาใหญ่


แผนที่ท่องเที่ยวเขาใหญ่








               ที่มา   http://www.paiduaykan.com/76_province/Northeast/nakhonratchasima/kaoyai.html

                          http://www.youtube.com/watch?v=mpY8J58m1Ew

ระนอง แคนย่อน

ระนอง แคนย่อน


ระนองแคนย่อนตั้งอยู่ที่บ้านทุ่งคา ต.หาดส้มแป้น อ.เมือง อยู่ห่างจากวัดหาดส้มแป้นประมาณ 3 ก.ม.ห่างจาก ตัวเมืองประมาณ 15 กม. โดยใช้เส้นทางเดียวกับบ่อน้ำพุร้อนรักษะวริณลักษณะของสถานที่ท่องเที่ยวจะมีความ สวยงามแปลกตา  คือ เป็นสระน้ำขนาดย่อม ที่โอบล้อมด้วยหุบเขาเหตุที่ที่นี่เป็นแอ่งน้ำล้อมภูเขาแบบนี้เนื่องมา จาก ที่นี่เคยเป็นเหมืองแร่เก่ามาก่อน ลักษณะเป็นเหมืองแบบฉีดโดยฉีดน้ำให้กัดเซาะดินปนแร่จากตัวภูเขาให้ลง มาสะสม ในแอ่งน้ำด้านล่าง หลังจากนั้นก็จะสูบน้ำในแอ่งขึ้นตามท่อเพื่อนำมาผ่านกระบวนการทางกายภาพ เพื่อ ทำการแยกแร่ ออกจากทรายที่ไม่มีค่าทำให้สภาพภูเขาเกิดลักษณะเว้าๆ แหว่งๆ สวยงามแปลก



ระนองแคนย่อน เดิมเรียกว่า‘บึงมรกต’เพราะเมื่อมองจากเนินเขาข้างบนลงมาจะเห็นน้ำในบึงใสแจ๋วสะท้อนสีของ ฟ้า และต้นไม้เป็นสีเขียวอมฟ้าดุจดังมรกต ส่วนปรากฏการณ์เกิดหมอกไล่น้ำยามเช้านั้นเกิดจากการคายน้ำของ ต้นไม้ใน บริเวณนี้นั่นเอง

ภูเขาหินเว้าแหว่งดูแปลกตา







ระนองแคนย่อน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกจุดหนึ่งที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนทั้งในยามเช้าและ ยามเย็น ในสถานที่ที่ชาวระนองนิยมไปนั่งพักผ่อน มีพื้นที่ที่แวดล้อมไปด้วยภูเขา หินขาว ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก ในบริเวณ บ้านหาดสมแป้นซึ่งนำไปใช้ประโยชน์ในการทำแก้ว จาน ชาม กระเบื้อง และเครื่องสุขภัณฑ์ ซึ่งหากใน บรรยากาศ ยามเช้าสามารถนั่งชม น้ำไล่หมอกได้ที่ระนองแคนย่อน เพราะในกระแสน้ำของบึงยามเช้ามีสายหมอก ล่องลอยระเหย ขึ้นเมื่อได้สัมผัสกับแสงแดดอันอบอุ่น ยามเช้า สามารถให้อาหารปลา ที่อาศัยอยู่ในบึงน้ำได้ ปลาที่อาศัยอยู่ได้แก่ ปลาพลวง ปลาตะเพียนแดงปลาดุก ฯลฯ มีร้านค้าจำหน่ายอาหารปลาอยู่บริเวณใกล้เคียง กับระนองแคนย่อน

ศาลาพักผ่อน หย่อนใจ




ฝูงปลาแหวกว่าย




การเดินทางไประนอง แคนย่อน
ระนองแคนยอนตั้งอยู่เส้นทางเดียวกับบ่อน้ำพุร้อนรักษะวริณ ไปทางเส้นทางเดียวกับวัดหาดส้มแป้น ไปประมาณ 2.5 กิโลเมตร ก็จะถึงระนองแคนยอน


            ที่มา    http://www.paiduaykan.com/76_province/south/ranong/ranongcanyon.html

                        http://www.youtube.com/watch?v=4Je7nIecvQA

ภูเขาหญ้าสองสี

ภูเขาหญ้าสองสี


ภูเขาหญ้าสองสี เป็นภูเขาที่ไม่มีไม้ใหญ่ขึ้น ในฤดูฝนมีหญ้าสีเขียวขึ้นปกคลุมแนวเขาที่ทอดตัวจากทิศเหนือ สู่ทิศใต้ ภูเขาที่เต็มไปด้วยหญ้า ต่างสีต่างวันเวลา และเนินเขางดงาม ที่ราบเชิงเขามีทางเดินเท้าสำหรับ นักท่องเที่ยวขึ้นสู่บนสันเขาเพื่อชมทิวทัศน์โดยรอบ เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและชมความมหัศจรรย์ยามเย็น เมื่อแสงอาทิตย์จะลับขอฟ้าภูเขาทั้งลูกจะกลายเป็นสีทอง  ทอง เหลืองงามอร่ามตา  จึงนิยมเรียกกันว่า "ภูเขาหญ้าสองสี” เรียกได้ว่าเป็นความมหัศจรรย์ ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยังต้องยกให้เป็นหนึ่งใน อันซีนอินไทยแลนด์อีกแห่งหนึ่ง



ภูเขาหญ้าเป็นเนินไม่สูงมาก ลักษะณะโดยทั่วไปเป็นทุ่งหญ้าเล็กใหญ่และเป็นพื้นที่โล่งกว้างขนาดใหญ่ ล้อมด้วย ภูเขาสูง ที่สามารถเดินขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ได้ ช่วงฤดูแล้งสีสันของทุ่งหญ้าคล้ายกับสีทองและเขียวปะปนกันบาง บริเวณหญ้าสูงท่วมหัว มีต้นไม้พุ่มเตี้ย ๆ ประปราย

ทางเดินขึ้นไปชมภูเขาหญ้าในมุมสูง




การเดินขึ้นไปชมภูเขาหญ้านอกจากจะชมได้จากลานกว้างด้านล่างแล้ว สามารถขึ้นไปชมวิวในมุมสูง มีทางราบ เชิงเขามีทางเดินเท้าสำหรับนักท่องเที่ยวขึ้นสู่บนสันเขาเพื่อชมทิวทัศน์โดยรอบ ซึ่งภูเขาแต่ละลูกไม่สูงมาก สามารถเดินเท้าขึ้นไปตามทางจากลูกนี้ก็เดินต่อไปยังอีกลูกซึ่งเชื่อมต่อกัน แต่แนะนำว่าหากมาเที่ยวภูเขาหญ้า ในช่วงหน้าแล้งและต้องการขึ้นไปชม ควรมาช่วงบ่ายแก่ๆ และควรพกน้ำติดตัวขึ้นไปด้วย

หญ้าสองสีตัดกันสวยงาม




ชมวิวทิวทัศน์





บริเวณข้างทางของลานกว้าง ช่วงหน้าแล้งก็จะได้พบกับต้นหญ้าพริ้วไหวตามสายลม ซึ่งก็เป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ไปอีกแบบ




วันเวลาที่แนะนำ 
ภูเขาหญ้าสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ภูเขาหญ้าสีเขียว พบได้ในฤดูฝนตั้งแต่เดือน พฤษภาคม-ตุลาคม
ภูเขาหญ้าสีทอง พบได้ในช่วงฤดูแล้ง ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน-เมษายน
การเดินทางไประนองภูเขาหญ้าสองสี
1. โดยรถยนต์ส่วนตัว
จากตัวเมืองระนองมาตามทางหลวงหมายเลข 4 (ระนอง-พังงา)สู่จังหวัดพังงาประมาณ 12 กม.จะเห็นภูเขาหญ้า อยู่ทางขวามือตรงข้ามน้ำตกหงาว


      ที่มา   http://www.paiduaykan.com/76_province/south/ranong/yasongsee.html

                 http://www.youtube.com/watch?v=EVd9yOhhYdA

บ่อน้ำร้อน สวนสาธารณะรักษะวาริน

บ่อน้ำร้อน สวนสาธารณะรักษะวาริน


บ่อน้ำร้อน สวนสาธารณะรักษะวาริน เป็นบ่อน้ำร้อนซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินี้มีอยู่ 3 บ่อ คือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูก ทั้ง 3 บ่อ มีอุณหภูมิสูงประมาณ 65 องศาเซลเซียส น้ำพุร้อนแห่งนี้ได้รับการวิเคราะห์จากกรมวิทยา ศาสตร์บริการว่าประกอบด้วยแร่ธาตุที่สำคัญ และเป็นแหล่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีสารกำมะถันเจือปนอยู่เลย จึงทำให้ไม่มีกลิ่นของกำมะถันและมีความบริสุทธิ์สามารถรับทานได้จากแหล่งกำเนิด โดยไม่ต้องผ่านการกลั่น กรองใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในโลก นอกจากนี้ยังถือเป็นน้ำบริสุทธิ์จึงเป็นแหล่งหนึ่ง ที่นำไปผ่าน พิธีพุทธาภิเษก ทำน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อใช้เป็นน้ำพระพุทธมนต์ในพระราชพิธีฉลองพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภายในบริเวณบ่อน้ำร้อนมีบริการอาบน้ำแร่บำบัดรักษาสุขภาพ่ที่ สยามฮอทสปา ผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยการบำบัดจากน้ำแร่ ด้านนอกมีบริการแช่เท้าฟรีเพื่อผ่อนคลาย นอกจากนี้บริเวณใกล้ ๆ บ่อน้ำร้อนได้จัดเป็นสวนสาธารณะ "รักษะวาริน" มีศาลาที่พักและห้องอาบน้ำร้อนไว้บริการด้วย



ภายในบริเวณบ่อน้ำร้อนมีบริการอาบน้ำแร่บำบัดรักษาสุขภาพอีกด้วย มีบริการแช่เท้าเพื่อผ่อนคลาย นอกจากนี้ยัง มีบริการผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยการบำบัดจากน้ำแร่ที่ สยามฮอทสปา ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน บริเวณใกล้ ๆ บ่อน้ำร้อนได้จัดเป็นสวนสาธารณะ "รักษะวาริน" มีศาลาที่พักและห้องอาบน้ำร้อนไว้บริการด้วย
สยามฮอทสปา


สวนสาธารณรักษะวาริน



ปัจจุบันแหล่งน้ำพุร้อนแห่งนี้ ซึ่งเป็นแหล่งที่สำคัญที่สุดของจังหวัดระนอง เนื่องจากอยู่ใกล้แหล่งชุมชน และมี ศักยภาพสูง ได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัด มีการจัดสร้าง ตกแต่ง สวนหย่อมต่าง ๆ ไว้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน

บ่อแช่เท้าใกล้บ่อพ่อ


บ่อแช่เท้าอีกฝั่ง



ลักษณะของบ่อน้ำร้อนทั้ง 3 บ่อ
1.บ่อพ่อ
เป็นบ่อปูนซีเมนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาบ่อน้ำร้อนทั้งสามบ่อ มีลักษณะเป็นบ่อวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง ของบ่อ ขนาด 2.80 เมตรสูงจากผิวดิน 0.80 เมตร ลักษณะของน้ำร้อน น้ำร้อนในบ่อมีลักษณะใสมีฟองก๊าช คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ที่ผุดขึ้นมาจากก้นบ่อสู่ผิวน้ำค่อนข้างน้อย ไม่มีกลิ่นกำมะถัน ไม่มีสาหร่ายน้ำร้อนจะไหลล้น ออกนอกบ่อตลอดเวลา ทำให้บริเวณบางส่วนของปากบ่อและผนังบ่อน้ำด้านนอกมีการสะสมตัวของแร่แคลไซต์ ซึ่งเป็นแร่ที่มีขนาดผลึกละเอียดมาก แร่ชนิดนี้เป็นแร่อัลเทอร์เรชั่น ที่สำคัญชนิดหนึ่ง อุณหภูมิของน้ำร้อนวัดได้ 65 องศาเซลเซียส ค่าความเป็นกรดด่า วัดได้ประมาณ 8 อัตราการไหลของน้ำร้อนที่บ่อพ่อวัดได้ประมาณ 3.5 ลิตร/วินาที หรือประมาณ 12.6 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง แสดงลักษณะของบ่อน้ำพุร้อน (บ่อพ่อ) รายล้อมด้วยสวน หย่อมและพุ่มไม้

บ่อพ่อ




2.บ่อแม่
เป็นบ่อปูนซีเมนต์เช่นเดียวกับบ่อพ่อ แต่มีขนาดเล็กกว่า โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางของบ่อขนาด 1.50 เมตร และสูง จากผิวดิน 0.85 เมตรลักษณะของบ่อน้ำพุร้อน น้ำร้อนในบ่อมีลักษณะใส มีฟองก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ผุดขึ้น มา เป็นจังหวะ ๆ และมีปริมาณมากกว่าบ่อพ่อ ไม่มีกลิ่นกำมะถัน ไม่มีสาหร่าย อุณหภูมิของน้ำร้อน วัดได้ 65 องศาเซลเซียส ค่าความเป็นกรดด่างวัดได้ประมาณ 8 มีแร่อัลเทอร์เรชั่นเคลือบเล็กน้อยที่ด้านในของผนังบ่อ ระดับของน้ำร้อนอยู่ต่ำจากปากบ่อลงไป 0.48 เมตร ไม่สามารถวัดอัตราการไหลของน้ำร้อนได้



3.บ่อลูกสาว
เป็นบ่อปูนซีเมนต์เช่นเดียวกัน มีเส้นผ่าศูนย์กลางของบ่อขนาด 2.00 เมตร และสูงจาก ผิวดิน 0.90 เมตร ลักษณะ ของบ่อน้ำพุร้อน (บ่อลูกสาว) น้ำร้อนในบ่อมีลักษณะใส มีฟองก๊าชคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ผุดขึ้นมายังผิวน้ำ มากกว่า สองบ่อแรกไม่มีกลิ่น กำมะถัน ไม่มีสาหร่าย อุณหภูมิของ น้ำร้อน วัดได้ 65 องศาเซลเซียส ค่าความเป็น กรดด่าง วัดได้ประมาณ 8 มีแร่อัลเทอร์เรชั่นเคลือบเล็กน้อยที่ด้านในของผนังบ่อ เช่นเดียวกับบ่อแม่ ระดับน้ำร้อนอยู่ต่ำ จากปากบ่อลงไป 0.1 เมตร ไม่สามารถวัดอัตราการไหลของน้ำร้อนได้




เรื่องราวและบทความที่เกี่ยวข้อง
ชมภาพไปด้วยกันทริป 6 ฟ้าสวย ทะเลใส ณ ระนอง (versionวิว)
การเดินทางไปบ่อน้ำร้อน สวนสาธารณะรักษะวาริน
1. โดยรถยนต์ส่วนตัว
จากเส้นทางหลวงหมายเลข 4 ให้เลี้ยวเข้ามาตามทางหลวงหมายเลข 4005 ประมาณ 1 กม. ไปทางทิศตะวันออก ก็จะพบกับ สวนสาธารณะรักษะวาริน

 
      ที่มา   http://www.paiduaykan.com/76_province/south/ranong/ruksavarin.html

                http://www.youtube.com/watch?v=OOBQt7-oyLM
   

พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก

พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก  


พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก  หรือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตบางรัก เป็นหนึ่งใน แหล่งท่องเที่ยว มุมมองใหม่ใน บางกอกได้จัดตั้งขึ้นตามวัตถุประสงค์ และความตั้งใจของอาจาร์ยวราพร สุรวดี ผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งอยากจะจัดบ้าน และทรัพย์สิน มรดกที่ได้จากมารดา คือ นางสอาง  สุรวดี (ตันบุญเล็ก) ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อ ให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษา เมื่ออาจารย์วราพรจัดสิ่ง ของได้ทำเรืองยกบ้านหลังนี้ให้เป็น สมบัติของ กรุงเทพ มหานคร หลังจากนั้นกรุงเทพมหานครก็ได้จัดทำบ้านดังกล่าว ให้เป็น โครงการ นำร่องสนอง นโยบายการมี พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ของแต่ละเขตโดยรูปแบบการจัดแสดง เป็นอาคารและวัตถุซึ่ง บอกเล่า เรื่องราวเกี่ยวกับ สภาพ ชีวิตความเป็นอยู่ของ ชาวบางกอกที่มีฐานะปานกลางในช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งข้าวของ เครื่องใช้ที่นำมาแสดงส่วนใหญ่จะเป็นของใช้ที่เจ้าของบ้านได้ใช้งานจริง



อาคารหลังที่ 1
เป็นอาคารที่ครอบครัวอาจาร์ยวราพรเคยใช้อาศัยอยู่เมื่อในอดีต ลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาก จากตะวันตกซึ่งเป็นที่นิยมในยุคนั้น เป็นอาคารไม้สองชั้น หลังคาทรงปั้นหยา มุงกระเบื้องว่าวสีแดง ผนังอาคาร สร้างด้วยไม้ทาสีเลียนแบบผนังก่ออิฐถือปูนฝีมือช่างชาวจีนเป็นผู้ก่อสร้าง ที่เรียกกันว่าทรงปั้นหยายุคปลาย โดยลดลายฉลุที่ชายคาออก ภายในอาคารหลังนี้ จะประกอบไปด้วยห้องต่างๆ ดังนี้
- ห้องรับแขก
ห้องรับแขกห้องนี้มีเปียโนคู่ใจจากคุณแม่ของอาจารย์ นอกจากนี้ยังมีชุดรับแขก ตู้ใส่เครื่องแก้วเจียระไน แบบต่างๆ เช่นแก้วไวน์ แก้วมาตินี่ ขวดใส่ไวน์ จัดแสดงไว้ในตู้อย่างสวยงาม
- ห้องอาหาร
ภายในมีโต๊ะรับประทานอาหาร 6-8 ที่นั่ง บนโต๊ะจัดแสดงชุด Dinner set แบบฝรั่ง และภาชนะลายครามแบบบจีน  เครื่องเคลือบสีเขียวไข่กา รูปแบบต่างๆ
- ห้องหนังสือ
ห้องหนังสือส่วนหนึ่งจะเป็นหนังสือของคุณหมอฟรานซิส สามีคุณสอางค์ ซึ่งเป็นตำราทางการแพทย์เกี่ยวกับ การรักษาโรคต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ ปละหนังสือเรียนภาษาอังกฤษของคุณแม่และลูก ติดกับห้องนี้ คือ ห้องน้ำ และโถส้วมแบบโบราณ
- โถงชั้นล่าง
มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงขนาดใหญ่ของคุณหมอฟรานซิส ด้านตรงข้ามเป็นตู้มุกต์ จากเมืองจีน
- ห้องนอนคุณยายอิน
ซึ่งตั้งอยู่ชั้นสองของอาคาร  ประกอบไปด้วยเตียงไม้โบราณแบบฝรั่งมีเสามุ้ง โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมตลับเครื่อง แก้วสำหรับใส่เครื่องสำอาง และขวดน้ำหอมแบบต่างๆ ซึ่งมีอายุอยู่ในรัชกาลที่ 6 นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปบูชา สมัยอยุธยาตอนปลายและสมัยรัตนโกสินทร์
- ห้องแต่งตัวแบบยุโรป
เป็นห้องแต่งตัวที่จัดแต่งแบบยุโรป มีโต๊ะเครื่องแป้ง อ่างล่างหน้าเครื่องใช้ของผู้ชายที่ใช้ในการโกนหนวด โต๊ะเครื่องแป้งมีกระจกประดับทั้งสามด้าน เป็นแบบศิลปะเดโด และหุ่นพลาสเตอร์รูปคุณหมอฟรานซิสซึ่ง อาจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผูปั้น
- ห้องนอนใหญ่
ห้องนอนนี้เป็นห้องนอนของพี่สาวอาจารย์วราพร มีตู้เสื้อผ้าบานใหญ่เข้าชุดกับโต๊ะแต่งตัวและเตียงนานใหญ่
อาคารหลังที่ 1




ห้องรับแขก




ห้องอาหาร





โถงชั้นล่าง





ห้องหนังสือ





ห้องนอนคุณยาย




เตียงเด็ก


ห้องโถงข้างบน



ห้องแต่งตัวแบบยุโรป




ห้องนอนใหญ่


เครื่องเบญรงค์



อาคารหลังที่ 2
บ้านหลังนี้เดิมปลูกที่ทุ่งมหาเมฆ ซอยงามดูพลี เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น สร้างจำลองขึ้นมาให้ใกล้เคียงกับหลังเดิม จุดประสงค์ที่สร้างบ้านหลังนี้ในตอนแรก  คือ เพื่อใช้ชั้นล่างเป็นคลีนิคคุณหมอฟรานซิส คริสเตียน บ้านหลังนี้ สร้างยังไม่ทันเสร็จคุณหมอก็ป่วยเสียชีวิต ต่อมาอาจารย์ จึงได้ รื้อบ้านที่ทุ่งมหาเมฆ มาจัดสร้างไว้ที่นี่ โดยจัด สร้างโดยย่อส่วนลงตามพื้นที่ ที่มีจำกัด ตกแต่งบ้านด้วยข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของคุณหมอ ชั้นบนจะเป็น ห้องนอน
ภายในอาคารหลังที่ 2




เครื่องมือแพทย์ของคุณหมอ




ห้องนอนคุณหมอ




อาคารหลังที่ 3 
ชั้นล่างเป็นการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน มีทั้งเครื่องครัว เครื่องเขียน เครื่องมือช่าง เครื่องมือเครื่องใช้ใน งานหัตถกรรม ฯลฯ อ.วราพร ชั้นบน แสดงภาพรวมของ กรุงเทพมหานคร ภาพรวมของกรุงเทพมหานคร ได้แก่
ลักษณะทางกายภาพเขตบางรัก
สายสัมพันธ์ไทย-ตะวันตก
อิทธิพลชาติตะวันตกต่อประเทศไทย
ชุมชนนานาชาติ
บทบาทของชุมชนตะวันตกที่มีต่อการปฏิรูปประเทศ
สถานที่สำคัญของบางรัก
แรกมีในสยาม แรกมีในบางรัก
คนเด่นบางรัก
ธนบัตรเก่า


บัตรประชาชนของอาจารย์



ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ






ชั้นที่ 2 ภาพรวมของกรุงเทพมหานคร






อาคารหลังที่ 4
ตรงข้ามกับศาลาริมน้ำ ดัดแปงเป็นสำนักงานห้องสมุด อาจารย์วราพร




รายละเอียดเพิ่มเติม
เลขที่ 273  ซอยเจริญกรุง 43 ถนนเจริญกรุง  เขตบางรัก  กรุงเทพมหานคร
เปิดให้บริการทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. ปิดวันจันทร์-อังคาร
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02 234 6741 , 02 233 7027
การเดินทางไปพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก
ตั้งอยู่ใน ซอยเจริญกรุง 43 เข้าซอยไปประมาณ 200 เมตร ไม่มีที่จอดรถ แต่สามารถจอดได้ตรงริมถนนในซอย
หากนั่งรถไปฟ้าฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน หลังจากนั้นนั่งรถ แท๊กซี่ หรือรถตุ๊ก หรือ รถประจำทาง
รถประจำทางที่ผ่าน ถนนเจริญกรุง สาย 1, 16, 35, 75 และ 93



      ที่มา     http://www.paiduaykan.com/province/central/bangkok/bangkokmuseum.html

                  http://www.youtube.com/watch?v=21c0nFWDJXk