mammos

วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

ดอยอินทนนท์

ดอยอินทนนท์

ดอยอินทนนท์เดิมมีชื่อว่า “ดอยหลวง” หรือ “ดอยอ่างกา” ดอยหลวง หมายถึงภูเขาที่มีขนาดใหญ่ ส่วนที่เรียกว่า ดอยอ่างกานั้น มีเรื่องเล่าว่า ห่างจากดอยอินทนนท์ไปทางทิศตะวันตก 300 เมตร มีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ลักษณะ เหมือนอ่างน้ำ แต่ก่อนนี้มีฝูงกาไป เล่นน้ำกันมากมาย จึงเรียกว่า อ่างกา ต่อมาจึงรวมเรียกว่า ดอยอ่างกา ดอยอินทนนท์ นี้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัยซึ่งพาดผ่านจากประเทศเนปาล ภูฐาน พม่า และมาสิ้นสุดที่นี่ สิ่งที่น่าสนใจของดอยนี้ไม่เพียงแต่เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศด้วยความสูง 2,565 เมตร จากระดับน้ำทะเล ปานกลางเท่านั้น แต่สภาพภูมิประเทศและสภาพป่าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นป่าดงดิบ ป่าสน ป่าเบญจพรรณ และอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปีโดยเฉพาะในฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมเกือบทั้งวันและบางครั้ง น้ำค้างยังกลาย เป็นน้ำค้างแข็ง หรือ แม่คะนิ้ง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้มีผู้มาเยือนที่นี่อย่างไม่ขาดสาย




สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ
1.ยอดดอยอินทนนท์
จุดสิ้นสุดของทางหลวงหมายเลข 1009 เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย (2,565 เมตร) มีสภาพอากาศ หนาวเย็นตลอดปี อเป็นที่ตั้งสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศไทยและเป็นที่ประดิษฐานสถูปเ้จ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าเมืองเชียงใหม่องค์สุดท้ายซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของป่าไม้และหวงแหนดอยหลวงเป็นอย่างมากต้องการที่จะ อนุรักษ์ไว้จนชั่วลูกชั่วหลาน ท่านผูกพันกับที่นี่มากจึงสั่งว่าหากสิ้นพระชนม์ไปแล้วให้แบ่งเอาอัฐิส่วนหนึ่งมาไว้ที่นี่


2.พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ 
ตรงหลักกิโลเมตรที่ 41.5 ทางด้านซ้ายมือ สร้างขึ้นโดยกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทยโดยพระมหาธาตุ นภเมทนีดล สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวโรกาสทรงเจริญ พระชนมพรรษา ครบ 5 รอบเมื่อพ.ศ. 2530และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิรสร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ใน วโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อพ.ศ. 2535 พระมหาธาตุทั้ง 2 องค์นี้ มีรูปทรงคล้ายคลึงกัน คือ ฐานเป็นรูป12 เหลี่ยมมีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ ยอดปลีขององค์เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริก ธาตุ และ พระพุทธรูปบูชารอบบริเวณสามารถมองเห็นทิวทัศน์์ของดอยอินทนนท์ได้อย่างสวยงาม


3.เส้นทางศึกษาธรรมชาติบนดอยอินทนนท์ กิ่วแม่ปาน
ทางเข้าอยู่กิโลเมตรที่ 42 ด้านซ้ายมือ ระยะทางเดิน 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 3 ชั่วโมง เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติแท้จริง ระหว่างทางเดินจะพบป่าดิบเขา (Hill Evergreen)ก่อนผ่านเข้าสู่ทุ่งหญ้าซึ่ง เคยเป็นพื้นที่ี่ป่าถูกทำลาย เพื่อเป็นการศึกษาลักษณะการเกิดผลกระทบต่อเนื่องบริเวณรอยต่อระหว่างพื้นที่ป่า สมบูรณ์ กับพื้นที่ถูกทำลาย หลังจากนั้นทางเดินจะเลาะริมผามีไอหมอกปลิวผ่านตลอดเวลา จะพบ ดอกกุหลาบพันปี หรือ Rhododendron(ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก ขึ้นตามป่าในระดับสูงมีพันธุ์ดอกสีขาวและ สีแดง เวลาออกดอกช่วงแรกมีลักษณะเหมือนปลี กล้วย ก่อนที่จะบานเต็มต้นในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ พบมากในแถบเทือกเขาหิมาลัยและเป็นไม้ประจำชาติของเนปาลด้วย)  มองลงไปยังเบื้องล่างจะพบทัศนียภาพ ที่งดงามของอำเภอแม่แจ่มการใช้เส้นทางนี้ต้องลงทะเบียนขอรับใบอนุญาตให้ใช้เส้นทางโดยติดต่อที่ ศูนย์ ประชาสัมพันธ์อุทยานฯ และควรจัดกลุ่มละไม่เกิน 15 คน ทางอุทยานฯไม่อนุญาตให้นำอาหารเข้าไปรับประทาน ในเส้นทางในช่วงฤดูฝน และจะปิดเส้นทางเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัวไม่อนุญาติให้เข้าไปท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 30 ตุลาคม ของทุกปี เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานแห่งนี้  ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทแหล่ง ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ  รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ครั้งที่ 4 ประจำปี พ.ศ. 2545 เพราะมีการจัดการที่เน้นความเป็น ธรรมชาติ ระหว่างทางมีป้ายสื่อความ หมายให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว และประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมใน การนำเที่ยว
4.อ่างกาหลวง 
เส้นทางนี้สำรวจวางแนวและออกแบบเส้นทางเดินโดย คุณไมเคิล แมคมิลแลน วอลซ์ นักสัตววิทยาและอาสา สมัครชาวแคนาดา ประจำอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์  ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ทำงานทุ่มเทให้กับอินทนนท์ และได้ เสียชีวิตที่นี่ด้วยโรคหัวใจ  เส้นทางนี้มี ระยะทาง 1,800 เมตร พื้นที่นี้เป็นหนองน้ำซับในหุบเขา  จุดเด่นที่น่าสนใจ คือ ป่าดิบเขาระดับสูง ลักษณะของพรรณไม้เขต อบอุ่น ผสมกับเขตร้อนที่พบเฉพาะในระดับสูง การสะสมของ อินทรียวัตถุในป่าดิบเขา ลักษณะ อากาศเฉพาะถิ่น  พืชที่อาศัยเกาะติด ต้นไม้ ลักษณะของต้นน้ำลำธาร และ ลักษณะของต้นไม้บนดอยอ่างกา เช่น ต้นข้าวตอกฤาษีที่ขึ้นตามพื้นดิน (ข้าวตอกฤาษี เป็นพืชที่ต้องการ ความ อุดมสมบูรณ์สูงจะขึ้นในที่สูงกว่า 2,000 เมตร เท่านั้น และเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่มชื้น อากาศเย็น) กุหลาบพันปี เป็นต้น ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ อีกหลายเส้น เช่น เส้นทางศึกษาธรรมชาติ กิโลเมตรที่ 38 และ เส้นทางศึกษา ธรรมชาติกลุ่มน้ำตกแม่ปาน เป็นต้น แต่ละเส้นใช้เวลาในการเดินต่างกัน ตั้งแต่ 20 นาที – 7 ชั่วโมง และเหมาะที่จะศึกษา สภาพ ธรรมชาติที่ต่างกันด้วย ศึกษารายละเอียดเส้นทางได้จากที่ทำการอุทยานฯ และจะ ต้องติดต่อ ขอเจ้าหน้าที่นำทาง จากที่ ทำการฯ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 31 เพื่อป้องกันการทำลายทรัพยากร ธรรมชาติ และปัญหา ที่อาจจะเกิดขึ้น และเป็นการส่งเสริม ให้เกิดการ ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การใช้สถานที่เพื่อการ พักค้างแรมหรือจัด กิจกรรมอื่น นอกเหนือจากบริเวณที่ทำการ อุทยานแห่งชาติ ดอยอินทนนท์ ต้องขออนุญาต จากหัวหน้า อุทยานฯ เป็นลายลักษณ์อักษร 
5.น้ำตกวชิรธาร
เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เดิมชื่อ “ตาดฆ้องโยง” น้ำจะดิ่งจากผาด้านบนตกลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ในช่วงที่มีน้ำมาก ละอองน้ำจะสาด กระเซ็นไปทั่วบริเวณรู้สึกได้ถึงความเย็นและชุ่มชื้น และสะพานไม้ที่ทอดยาวเข้าไปหาหน้าผา นั้นจะเปียกลื่นอยตลอดเวลา แต่หากเดินเข้าไปจนสุดจะได้สัมผัสกับความงามของน้ำตกมากที่สุด





6.น้ำตกแม่ยะ
เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงามมากแห่งหนึ่ง เพราะน้ำซึ่งไหลลงมาจากหน้าผาที่สูงชัน 280 เมตร ลงมากระทบ โขดหินเป็นชั้น ๆ เหมือนม่าน แล้วลงไปรวมกันที่แอ่งน้ำเบื้องล่าง น้ำใสเย็นเหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ อีกทั้งบริเวณ รอบ ๆ น้ำตกเป็น ป่าเขาอันสงบเงียบ และมีศูนย์ประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวตั้งอยู่ด้วย บริเวณน้ำตก สะอาดและจัดการ พื้นที่ได้กลมกลืนกับ สภาพแวดล้อม  การเดินทาง จากทางแยกเข้าทางหลวง  1009 ไป ประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าไป 14 กิโลเมตร และต้อง เดินเท้าเข้าไปอีก 200 เมตร 


7.น้ำตกสิริภูมิ 
ไหลมาจากหน้าผาสูงชัน เป็นทางยาวสวยงามมาก สามารถมองเห็นได้จากบริเวณที่ทำการอุทยานฯ เป็นสายน้ำตก แฝดไหลลงมาคู่กันแต่เดิมเรียกว่า “เลาลึ” ตามชื่อของหัวหน้าหมู่บ้านม้งซึ่งอยู่ใกล้ ๆ น้ำตกสิริภูมิตั้งอยู่ตรง กิโลเมตรที่ 31ของทางหลวงหมายเลข 1009 มีทางแยกขวามือเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร แต่รถไม่สามารถ เข้าไปใกล้ตัวน้ำตกได้กท่องเที่ยวต้องเดินเท้าเข้าไปบริเวณด้านล่างของน้ำตก
8.โครงการหลวงดอยอินทนนท์
ตั้งอยู่ในบริเวณดอยอินทนนท์ ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย สถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์เป็นสถานีวิจัย ดอกไม้เมืองหนาว เป็นหลัก พรรณไม้ที่ปลูกมากที่สุดคือเบญจมาศ เพราะมีสีสันสดใส นอกจากนั้นยังมีโครงการ วิจัยสตรอว์เบอรรี่ โครงการศึกษา และรวบรวมพันธุ์เฟินชนิดต่างๆ โครงการวิจัยกาแฟ โครงการวิจัย ฝรั่งคั้นน้ำ ไม้ผล เช่น สาลี่ พลับ กีวี ทิบทิมเมล็ดนิ่ม ฯลฯ ไม้ดอก เช่น แกลดิโอลัส กุหลาบ เยอบีรา ฯลฯ ผัก เช่น พริกหวาน มะเขือเทศ เซเลอรี ฯลฯ ยังมีพืชผักสมุนไพร และไม้ผลขนาดเล็ก ซึ่งจัดจำหน่ายภายใต้ตรา "ดอยคำ"รวมทั้ง เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาเทร้าต์สายรุ้ง นอกจากนี้ยังมีประเพณี และภูมิปัญญา ท้องถิ่นที่น่าสนใจ ได้แก่ การทำนาข้าวขั้นบันไดของเผ่ากะเหรี่ยง ประเพณีกินวอของชาวเผ่าม้งบ้านขุนกลาง และแหล่งท่องเที่ยว เพื่อ ชมความ งามธรรมชาติรอบๆพื้นที่รวมทั้งกิจกรรมดูนกและชมดาว โครงการหลวงฯ ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านขุนกลาง ตำบลห้วยหลวง เดินทางตามเส้นทางสู่ ดอยอินทนนท์ ถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 31 ของทางหลวงหมายเลข 1009 มีทางแยกขวามือ เป็นทางลูกรัง เข้าสู่โครงการฯอีกประมาณ 1 กิโลเมตร โครงการหลวงฯนี้ รับผิดชอบ ส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมให้แก่กะเหรี่ยงและม้งในพื้นที่




9.น้ำตกห้วยทรายเหลือง
เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีน้ำไหลแรงตลอดปี และไหลจากหน้าผาลงมาเป็นชั้น ๆเข้าทางเดียวกับน้ำตกแม่ปาน ห่างจาก ที่ว่าการ อำเภอแม่แจ่มประมาณ 16 กิโลเมตร  แยกจากทางหลวง หมายเลข 1009 ตรงด่านตรวจ กิโลเมตรที่ 38 ไป    ตามทางหลวง หมายเลข 1192 สายอินทนนท์-แม่แจ่ม ประมาณ 6 กิโลเมตรจะมีป้ายบอก ทางไปน้ำตก เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นทางดินแดงในช่วงหน้าฝนทางลำบากมากต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ 
10.น้ำตกแม่ปาน 
เข้าทางเดียวกับน้ำตกห้วยทรายเหลือง แต่อยู่เลยไปอีก 500 เมตร  และจากจุดจอดรถต้องเดินต่อไปอีก 800 เมตรใช้เวลาประมาณ 10 นาที จึงจะถึงตัวน้ำตก น้ำตกแม่ปานนับว่าเป็นน้ำตกที่ยาวที่สุดของเชียงใหม่ก็ ว่าได้น้ำ จะตกลง มาจากหน้าผาซึ่งสูงกว่า 100 เมตร เป็นทางยาว ถ้ามองดูแต่ไกลจะเห็นสายน้ำยาวสีขาวตัดกับ สีเขียว ของต้นไม้ทำให้ดูเด่น น้ำที่ตกลงมายัง เบื้องล่างกระทบ โขดหินแตกเป็นฟองกระจายไป ทั่วบริเวณทำ ให้มีความ ชุ่มชื้น เบื้องล่างมีแอ่งน้ำรองรับอยู่ สามารถพักผ่อนลงอาบเล่นได้ 
11. น้ำตกแม่กลาง 
เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ชั้นเดียว สูงประมาณ 100 เมตร ต้นน้ำอยู่บนดอยอินทนนท์ มีน้ำไหลตลอดปี มีความสวยงาม ตามธรรมชาติ การเดินทาง จากทางแยกเข้าทางหลวง 1009 ไปอีก 8 กิโลเมตร แยกซ้าย500 เมตรเป็นทาง ลาดยางตลอด
12.ถ้ำบริจินดา 
ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 8-9 ของทางหลวงหมายเลข 1009 ใกล้กับน้ำตกแม่กลาง จะเห็นทางแยกขวามือมีป้าย บอกทาง ไปถ้ำบริจินดา ภายในถ้ำลึกหลายกิโลเมตร เพดานถ้ำมีหินงอกหินย้อยหรือชาวเหนือเรียกว่า “นมผา” สวยงามมาก มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในถ้ำด้วย นอกจากนั้น ยังมีธารหิน เมื่อมีแสงสว่างมากระทบจะเกิด ประกายระยิบระยับ ดังกากเพชรงามยิ่งนัก ลักษณะของถ้ำเป็นถ้ำทะลุสามารถมองเห็นภายในได้ถนัด เพราะมี อุโมงค์ซึ่งแสงสว่างลอดเข้ามา บริเวณปากถ้ำจะมีป้ายขนาดใหญ่ตั้งอยู่ อธิบายประวัติการค้นพบถ้ำนี้
13.ศูนย์ประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยว 
อยู่บริเวณใกล้กับยอดดอย แสดงนิทรรศการเรื่องราวของดอยอินทนนท์จากอดีตถึงปัจจุบัน ให้ความรู้ทั้งสภาพ ทางภูมิศาสตร์ ทางชีววิทยา  ป่าไม้ สิ่งมีชีวิตซึ่งบางชนิดหาดูได้ที่นี่แห่งเดียวในเมืองไทยผู้มาเยือนจะได้รับ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย
กิจกรรมดูนกบนดอยอินทนนท์
จากการสำรวจพบว่ามีนกอยู่ 380 ชนิด แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์และหลากหลายทางชีวภาพ ดังนั้นหากต้องการ ดูนก นักท่องเที่ยวสามารถชมได้ตั้งแต่ บริเวณด่านตรวจที่ 1 จนถึงยอดดอย โดยมีจุดเด่นดังนี้ บริเวณ กม. 13 , กม. 20, บริเวณที่ทำการฯ, บริเวณกม.ที่ 34.5, กม.ที่ 37 หรือจี๊ป แทรค กิ่วแม่ปาน กม. 42,บนยอด ดอยอินทนนท์ และศูนย์บริการข้อมูลนกอินทนนท์ที่ ร้านลุงแดง ตั้งอยู่กิโลเมตรที่ 31 หน่วยจัดการต้นน้ำแม่กลาง ให้บริการด้านข้อมูลนกในดอยอินทนนท์ เช่น สมุดบันทึกการพบนกในดอยอินทนนท์ ภาพวาดลายเส้นของนัก ดูนก แผนที่เส้นทางดูนกดอยอินทนนท์ ภาพถ่าย สไลด์เกี่ยวกับนก ฯลฯ ให้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่าง ประเทศ ช่วงที่นักดูนกนิยมมาดูนกกันเป็นฤดูหนาว นอกจากจะได้พบนกประจำถิ่นแล้ว ยังสามารถพบนกอพยพ เช่น นกปากซ่อมดง  นกอุ้มบาตร  นกเด้าลมหลังเทา นกเด้าลมหลังเหลือง  นกเด้าลมดง  นกเด้าลมหัวเหลือง  นกจาบปีกอ่อนเล็ก  นกจาบปีกอ่อนหงอน  นกจาบปีกอ่อนสีแดง  นกเดินดงสีน้ำตาลแดง  ฯลฯ ทางศูนย์ฯ จะบริการ ให้คำแนะนำตลอดจนเป็นสถานที่พบปะสนทนาระหว่างนักดูนก  นักศึกษาธรรมชาติและบุคคลทั่วไป  เป็นการแลก เปลี่ยนข้อมูลที่ดีต่อการอนุรักษ์และรักษาสภาพธรรมชาติ ทำให้ทราบถึงแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่ง อาหารของนกและ สัตว์ป่าในดอยอินทนนท์  ให้คงอยู่ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 9 ของเส้นทางหมายเลข 1009 มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ และมีนิทรรศการเกี่ยวกับธรรมชาติ สัตว์ป่า และอื่นบริเวณที่ทำการมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม

การเดินทางไปดอยอินทนนท์
1. โดยรถยนต์ส่วนตัว
ระยะทางจากตัวเมืองขึ้นไปจนถึงยอดดอยอินทนนท์ประมาณ 106 กิโลเมตร ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ไป ตามทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-จอมทอง ถึงหลักกิโลเมตรที่ 57 ก่อนถึงอำเภอจอมทอง 1 กิโลเมตร แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 สายจอมทอง-อินทนนท์ ระยะทาง 48 กิโลเมตรถึงยอดดอยอินทนนท์ เป็นถนนลาดยางอย่างดีแต่ทางค่อนข้างสูงชัน รถที่นำขึ้นไปจะต้องมีสภาพดี 
2. รถโดยสารประจำทาง 
นั่งรถสองแถวสายเชียงใหม่-จอมทองบริเวณประตูเชียงใหม่ จากนั้นขึ้นรถสองแถวที่หน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหารหรือที่น้ำตกแม่กลาง ซึ่งจะเป็นรถโดยสารประจำทางไปจนถึงที่ทำการอุทยานฯตรงหลักกิโลเมตรที่ 31 และหมู่บ้านใกล้เคียงแต่หากต้องการจะไปยังจุดต่าง ๆ  ต้องเหมาไปคันละประมาณ 800 บาท





ที่มา  http://www.paiduaykan.com/76_province/north/chiangmai/doiinthanon.html
          http://www.youtube.com/watch?v=__HXqFkVJIE

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น